ทำไม-Ecommerce-เจ้าใหญ่เลือกสมุทรปราการเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลัก

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นำไปสู่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่ามีการปรับเปลี่ยนไปใช้ e-Commerce มากขึ้น และเร็วขึ้น ผู้บริโภคถูกบังคับให้คุ้นชินและต้องปรับตัวกับการซื้อของใช้ประจำวันและสินค้าอื่น ๆ ผ่านทางออนไลน์แทน ซึ่งเมื่อการซื้อของออนไลน์กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผู้บริโภคแล้วนั้น ทำให้พวกเขาเปิดรับการใช้จ่ายผ่านทาง e-Commerce มากขึ้น ส่งผลต่อผู้ประกอบการที่ต้องเร่งปรับตัวโดยหันมาทำ e-Commerce เพื่อรองรับความต้องการด้านนี้ ทำให้มูลค่า e-Commerce เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด และเชื่อมั่นว่า ความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์นั้นจะกลายเป็นช่องทางการซื้อที่สำคัญมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค แม้เป็นยุคหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 เกิดเป็น New Normal ซึ่งพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 45 ของผู้บริโภคทั่วเอเชียวางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายออนไลน์แทนการใช้ช่องทางการค้าปลีกแบบเดิมในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ดังนั้นอะไรคือปัจจัยหลักที่เหล่า Ecommerce และ Logistic เจ้าใหญ่ๆ มาเลือกพื้นที่ที่สมุทรปราการ

  1. ใกล้กรุงเทพฯ เพราะแหล่งลูกค้ารายใหญ่ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนใหญ่มาจากคนกรุงเทพ 30% และ ต่างจังหวัด 70% ทำให้ช่วยล่นเวลาการขนส่งหาลูกค้าได้ และทำให้จัดส่งรวดเร็วยิ่งขึ้นภายใน 1 วัน
  2. ศูนย์กลางการกระจายสินค้า เนื่องจากจังหวัดสมุทรปราการมีระบบโลจิสติกส์ที่สะดวกสบายและถือเป็นทำเลทองในการกระจายสินค้าไปยังพื้นที่กรุงเทพปริมณฑลและต่างจังหวัด เพราะมีถนนวงแหวนอุตสาหกรรมที่เชื่อมต่อถนนสายหลักต่างๆ เพื่อขนส่งที่ง่ายไปยังทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือคลองเตย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ เพียง 40 นาที ทำให้พื้นที่นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเป็นโกดังคลังสินค้าหรือเป็นศูนย์กระจายสินค้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะส่งออกในประเทศหรือต่างประเทศ
  3. อยู่บนพื้นที่สีม่วง แน่นอนว่าเมื่อยู่บนทำเลพื้นที่สีม่วง จะมีนิคมอุตสาหกรรมมาตั้งเพื่อผลิตสินค้าเยอะมาก รวมทั้งเมื่อนิคมต้องการจัดหาที่เก็บหรือส่งสินค้าไปยังคลังกลาง ก็ง่ายขนส่งสะดวกเพราะสถานที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ประหยัดเวลาในการขนส่งอีกด้วย
  4. ช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ในสถานการณ์ตอนนี้ค่าขนส่งก็ต้องใช้น้ำมัน ซึ่งราคาน้ำมันในตอนนี้ถือว่าแพงมากๆ ดังนั้นการเลือกสถานที่ ที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะว่ากำไรนั้นจะคิดจากต้นทุนทั้งหมด ถ้าสามารถควบคุมต้นทุนการขนส่งได้แปลว่าเราก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งโกดังที่สมุทรปราการนั้นค่อนข้างใกล้กับเส้นทางหลักเพื่อไปจัดส่งสินค้า และผู้ผลิตต่างๆ ทำให้ลดระยะเวลาในการส่งสินค้าและช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์

บทความอื่นๆ

เทรนด์ระบบจัดการคลังสินค้า ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา

เทรนด์ระบบจัดการคลังสินค้า ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ด้วยสถานการณ์ทั่วโลกของ COVID 19 ในทั่วโลก ทำให้ต้องเร่งพัฒนาไปสู่ระบบอัตโนมัติเพื่อจัดการคลังสินค้าอย่างเร่งด่วนและจริงจังมากขึ้น เพื่อลดความแออัดของพนักงานให้น้อยที่สุด ดังนั้นก็ต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ การใช้ระบบมาจัดการคลังสินค้า ตั้งแต่ การนำสินค้าเข้าคลัง เคลื่อนย้ายสินค้า หรือนำสินค้าออกจากคลังเพื่อส่งไปยังลูกค้าโดยใช้คนให้น้อยที่สุด ทุกวันนี้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพ เพื่อให้ทันต่อความต้องการของตลาดและผู้บริโภคที่โตขึ้นทุกวัน หากคุณกำลังต้องการปรับปรุงคลังสินค้าของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้อาจช่วยคุณได้ 1 กำเนิดหุ่นยนต์ หุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในคลังสินค้าทั่วโลก คาดว่าภายในปี 2567 โกดังหุ่นยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 แห่ง และหุ่นยนต์ติดตั้งมากกว่า 4 ล้านตัว หุ่นยนต์สามารถใช้ในคลังสินค้าสำหรับงานต่างๆ เช่น: การหยิบ การแพ็ค การเรียงลำดับ ขนส่ง การตรวจสอบ ความปลอดภัย การใช้หุ่นยนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนแรงงานในคลังสินค้าได้ หุ่นยนต์เคลื่อนที่: AGV/AMR หุ่นยนต์เคลื่อนที่ ออกแบบมาให้เคลื่อนย้ายไปมาในพื้นที่ต่างๆ เช่น โกดัง ร้านค้า หรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ พวกมันสามารถควบคุมให้ปฏิบัติตามเส้นทางหรือ ปล่อยเป็นอิสระ หุ่นยนต์นำทางต้องการการควบคุมจากอุปกรณ์อื่นด้วย ซึ่งจะช่วยให้เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) ได้รับการออกแบบมาเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องควบคุมแบบเรียลไทม์ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้รับความนิยมในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัสดุ พวกมันค่อนข้างใช้งานได้จริงในการเคลื่อนย้ายวัสดุจากชั้นวางคลังสินค้าไปยังโซนอื่นๆได้ หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs) กำลังได้รับความนิยมเพื่อจัดการคลังสินค้า เนื่องจากราคาไม่สูง และการเรียนรู้ระบบเพียงเล็กน้อยก่อนเริ่มใช้งาน เช่น การขนส่ง การแพ็คสินค้า และบรรจุภัณฑ์ คุณลักษณะเหล่านี้ทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่เป็นการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคลังสินค้าในปี 2564 หุ่นยนต์เคลื่อนที่ยังสามารถใช้สำหรับการขนส่งและรับสินค้าจากสายพานลำเลียงสินค้าได้อีกด้วย  หุ่นยนต์เคลื่อนถูกแทนที่สายพานลำเลียง หลายๆคนอาจคุ้นเคยกับสายพานลำเลียงในการขนส่งวัสดุในโกดัง แต่ดูเหมือนว่านับวันยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะ ระบบ Plug and Play เป็นระบบที่ใช้หุ่นยนต์ขนาดพกพาและราคาถูกกว่า แทนการใช้สายพานขนาดใหญ่กินพื้นที่ ทำให้ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นที่นิยมในลอจิสติกส์ขนาดเล็ก ที่กำลังปรับเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ในการควบคุม โดรน โดรนได้กลายเป็นที่นิยมในการจัดการคลังสินค้าตั้งแต่ประมาณปี 2556 ด้วยนวัตกรรมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการพัฒนา และราคาโดรนที่ถูกลงทำให้เพิ่มความนิยมใช้โดรนในคลังสินค้า ข้อดีของโดรนมีดังนี้: โดรนสามารถนำทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้ GPS และค่อนข้างแม่นยำในการค้นหาและระบุสินค้าคงคลัง แถมราคาไม่แพงและปรับขนาดได้ และมีเทคโนโลยีบาร์โค้ดที่สามารถอ่านค่าได้ที่สินค้า โดรนสมัยใหม่มีความจุวิดีโอความละเอียดสูงและการเชื่อมต่อบนคลาวด์ สามารถวางเมาส์เหนือวัตถุได้อย่างอิสระและเคลื่อนที่ไปตำแหน่งใดก็ได้ในคลังสินค้า ขณะนี้มีการใช้โดรนสำหรับการขนส่งและการจัดส่ง และมีประโยชน์ในการดำเนินการอื่นๆ มากมาย ได้แก่: การสแกนบาร์โค้ด การเข้าไปสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

Read More »